วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561

หลักสูตรกว้าง

 2.หลักสูตรกว้าง
                        หลักสูตรกว้าง (The Broad-Field Curriculum) เป็นหลักสูตรอีกแบบหนึ่งที่พยายามแก้ไขจุดอ่อนของหลักสูตรรายวิชา  โดยมีจุดมุ่งหมายที่ส่งเสริมการเรียนการสอนให้น่าสนใจและเร้าใจ  ช่วยให้ผู้เรียนมีความเข้าใจและสามารถปรับตนให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
                        1.วิวัฒนาการของหลักสูตร

ทมัส ฮุกซเลย์  (Thomas Huxicy)
                        หลักสูตรกว้างเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอังกฤษ  จากวิชาที่โทมัส ฮุกซเลย์  (Thomas Huxicy) สอนเด็กที่เรียนอยู่ในโรงเรียนในราชสำนัก  (The Royal  Insutunon) ที่นครลอนดอน  วิชาที่สอนนี้กล่าวถึงแผ่นดินแถบลุ่มแม่น้ำเทมส์และกิจกรรมต่างๆ  ของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นแผ่นดินนั้น เป็นการนำเอาเนื้อหาของวิชาต่างๆ หลายวิชามาศึกษาในเวลาเดียวกัน
                        สหรัฐอเมริกาเริ่มนำเอาหลักสูตรมาใช้ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1914 โดยวิทยาลัยแอมเฮิร์ส(Amherst Collge) จัดทำเป็นวิชากว้างๆ เรียกว่า  สถาบันสังคมและเศรษฐกิจ (Social and Economi) ต่อมาในปี ค.ศ. 1923 มหาวิทยาลัยชิคาโก (University of Chicago) ก็ได้จัดหลักสูตรกว้างมีการสอนวิชาที่รวมวิชาหลายๆ วิชาเข้าด้วยกัน ได้แก่ วิชาการคิดแบบแก้ปัญหาขั้นนำ  จุดประสงค์จากวิชาต่างๆ นำมาเรียงอีกต่อหนึ่ง วิธีนี้ทำให้การเรียนการสอนบรรลุจุดประสงค์ได้
                        ประเทศไทยได้นำหลักสูตรมาใช้เป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2503  โดยลำดับเนื้อหาต่างๆ ที่มีความคล้ายคลึงกันเข้าไว้ในหลักสูตร  การได้ชื่อวิชาใหม่มีความหมายกว้างครอบคลุมวิชาที่นำเสนอมาเรียงลำดับไว้ ดังตัวอย่าง เช่น หลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ. 2503 ได้มีการนำเอาเนื้อหาบางส่วนของวิชา ศีลธรรม หน้าที่พลเมือง ภูมิศาสตร์ ประวิติศาสตร์ ฯลฯ มาเรียงลำดับเข้าเป็นหมวดวิชา เรียกว่า สังคมศึกษา เป็นต้น
            2.ลักษณะสำคัญของหลักสูตร
                        1.จุดหมายของหลักสูตรมีขอบข่ายกว้างขวางกว่าหลักสูตรรายวิชา  ขอบข่ายอาจครอบคลุมไปถึงสังคม จะเห็นได้จากการที่จุดมุ่งหมายของหลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ. 2503 ครอบคลุมการฝึกอบรมเพื่อนำไปสู่คุณลักษณะที่เกี่ยวกับการตระหนักในตน
                        2.จุดประสงค์ของแต่ละหมวดวิชา เป็นจุดประสงค์ร่วมกันของวิชาต่างๆ ที่นำมารวมกันไว้ ตัวอย่างเช่น  ในหมวดของสังคมของประถมศึกษาตอนปลาย พ.ศ. 2503 ซึ่งประกอบด้วยวิชาศีลธรรม หน้าที่พลเมือง ภูมิศาสตร์และประวิติศาสตร์
            3.โครงสร้างของหลักสูตรมีลักษณะเป็นการนำเอาเนื้อหาของแต่ละวิชาซึ่งได้เลือกสรรแล้วมาเรียงลำดับกันเข้า โดยไม่มีการผสมผสานกันอย่างใด  หรือถ้ามีก็น้อยมาก อย่างไรก็ตามหลักสูตรนี้เมื่อได้รับการดัดแปลงให้เป็นหลักสูตรบูรณาการ  วิชาต่างๆ จะผสมผสานกันจนหมดความเป็นเอกลักษณ์
            ส่วนดีส่วนเสียของหลักสูตร
            ก.ส่วนดี
                        1.เป็นหลักสูตรที่ทำให้วิชาต่างๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน มีความสัมพันธ์กันดีขึ้น
                        2.ในการสอนทั้งผู้เรียนและผู้สอนเกิดความเข้าใจ  และมีทัศนะคติเกี่ยวกับสิ่งที่เรียนกว้างขึ้น
                        3.เป็นหลักสูตรที่ส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างกว้างขวาง เป็นการเอื้ออำนวยต่อการจัดกิจกรรม ที่เป็นประโยชน์ในชีวิติประจำวัน
            ข.ส่วนเสีย
                        1.หลักสูตรนี้ถึงแม้จะพยายามจะให้เอกลักษณ์ของแต่ละวิชาหมดไป แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เนื้อหาของวิชาต่างๆ  เหล่านั้นผสมผสานกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน  ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะรักษาเอกลักษณ์ของแต่ละวิชาไว้  ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างวิชาขาดหายไป
                        2.ลักษณะของหลักสูตรทำให้การเรียนการสอนไม่ส่งเสริมให้เกิดความรู้เนื้อหาอย่างลึกซึ้ง เข้าทำนองรู้รอบมากกว่ารู้สึก
                        3.เนื่องจากหลักสูตรคราบคลุมวิชาต่างๆ หลายวิชา ผู้สอนจึงอาจสอนไม่ดีเพราะ ขาดความรู้บางวิชา นอกจากนี้ในการเตรียมการเรียนการสอนต้องใช้เวลามาก  เพราะเท่ากับเตรียมสอนหลายวิชา  แทนที่จะสอนวิชาเดียวอย่างที่สอนหลักสูตรรายวิชา
                        4.การสอนอาจไม่บรรลุจุดประสงค์ เพราะต้องสอนหลายวิชาในขณะเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น